ค่าธรรมเนียม ขายฝาก
ค่าธรรมเนียม ขายฝาก คืออะไร
ค่าธรรมเนียม ขายฝาก จำนำ ขายฝาก มีเป้าหมายใช้เพื่อสำหรับในการกู้ยืมระหว่างเจ้าหนี้แล้วก็ลูกหนี้โดยมีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนชั่วครั้งคราวนอกเหนือจากการกู้เงินธนาคารการจำนำขายฝากเหมาะกับคนที่ปรารถนาใช้เงินเร่งด่วนหรือผู้ที่มีปัญหาทางด้านเครดิตไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อณ เวลานั้นรวมทั้งคนที่ขาดคุณสมบัติการขอสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของธนาคารยกตัวอย่างเช่นไม่มีหลักฐานการแสดงต้นเหตุของรายได้ไม่ได้เดินบัญชีอาทิเช่นพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบอาชีพอิสระซึ่งมีมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ซึ่งทั้งสองธุรกรรมมีจุดประสงค์ที่เหมือนกันเป็นเพื่อเป็นสัญญาที่ใช้เพื่อสำหรับการกู้เงินระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้โดยมีอสังหาริมทรัพย์หรือเป็นหลักประกันไม่เหมือนกันที่เจ้าของในตัวทรัพย์สิน, วงเงินสำหรับในการอนุมัติและก็ค่าธรรมเนียม ณ
กรมที่ดินโดยที่จำนำจะให้วงเงินกู้อยู่ที่ 10-30% ของราคาซื้อขายแลกเปลี่ยนเสียค่าบริการขึ้นทะเบียนที่กรมที่ดิน 1% ของวงเงินจำนำสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทและเจ้าของในสินทรัพย์จะยังไม่โอนไปยังผู้รับจำนองในขณะขายฝากจะได้วงเงินสำหรับในการกู้สูงขึ้นยิ่งกว่าจำนำโดยสูงสุดอยู่ที่ 40-70% ของราคาซื้อขายแลกเปลี่ยนขึ้นกับสภาพสมบัติพัสถานรวมทั้งทำเลส่วนค่าธรรมเนียมจะเสียที่ร้อยละ2%
ของราคาประเมินราชการหรือยอดเงินขายฝากขึ้นอยู่กับว่าข้อใดจะสูงกว่ากันและก็กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะถูกโอนไปยังคนรับฝากทันที ณ วันที่ทำธุรกรรมโดยคนซื้อฝากสามารถมาไถ่สมบัติพัสถานคืนได้ภายในเวลาที่ระบุอย่างไร
ก็ตามทั้งสองธุรกรรมนี้ต่างจำต้องลงนามที่กรมที่ดินซึ่งๆหน้าพนักงานข้าราชการทุกหนโดยเหตุนี้ถ้าเกิดต้องการทราบว่าพวกเราเหมาะสมกับธุรกรรมแบบใดให้มองจากวงเงินที่เราอยากรวมทั้งความสามารถในการใช้คืนเงินต้นเป็นหลักยิ่งไปกว่านี้ยังควรต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกและทำความเข้าใจก่อนจะมีการเลือกทำธุรกรรมนั้นๆเพื่อคุ้มครองปัญหาที่บางทีอาจเกิดขึ้นในอนาคตจุดหมายสำหรับในการทำความตกลง ทั้งสัญญา จำนอง แล้วหลังจากนั้นก็ขายฝาก เป็นคำสัญญาที่นิยมใช้สำหรับในการกู้หนี้ยืมสิน ระหว่างเจ้าหนี้ และก็ลูกหนี้ โดยมี อสังหาริมทรัพย์ เป็นหลักประกันจำนอง ขายฝาก
“จำนอง”
เป็นข้อตกลงซึ่งบุคคลหนึ่ง เรียกว่าผู้จำนองเอาสินทรัพย์ยี่ห้อไว้แก่บุคคล อีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกัน การจ่ายหนี้โดยไม่ส่งเงินนั้นให้แก่ผู้รับจำนำส่วน“ขายฝาก”เป็นสัญญาซื้อขายซึ่งผู้ครอบครองในเงินตกไปยังผู้ใช้ โดยมีข้อตกลงกันว่าคนขายบางทีอาจไถ่สมบัติพัสถานนั้นคืนได้ภายในเวลาที่ระบุ สิ่งที่แตกต่างที่
สำคัญของคำมั่นสัญญาจำนองกับกติกาขายฝากที่ควรรู้คำสัญญาจำนำ : ผู้ครอบครองในทรัพย์สินที่จำนำไม่โอนไปยังผู้รับจำนอง จึงไม่ต้องมีการมอบทรัพย์สมบัติที่จำนองให้ผู้รับจำนำ แต่คำมั่นสัญญาขายฝาก : ผู้ครอบครองในสินทรัพย์ที่ขายฝากโอนไปยังคนรับซื้อฝาก ก็เลยจะต้องมีการส่งทรัพย์สินให้แก่ผู้รับซื้อฝากข้อตกลงจำนองแม้ไม่ใช้หนี้ใช้สิน ผู้รับจำนำจะฟ้องบังคับจำนอง
แล้วให้กองบังคับคดีประมูลขาย ได้เงินมาจ่ายหนี้ แต่ว่าคำสัญญาขายฝาก : คนขายฝากจำต้องมาไถ่ข้างในกำหนดเวลาในกติกา หากไม่มีเงินมาไถ่ข้างในตั้งเวลา ข้อปฏิบัติกำหนดว่าสามารถ ขยายเวลาขายฝากได้
จำนวนกี่ครั้งก็ได้ ทีละนานเท่าไรก็ได้ แต่รวมกันจะต้องไม่เกิน 10 ปี ถ้าหากว่าไม่มีเงินมาไถ่ถอนขายฝาก หรือไม่มาขยายกำหนดเวลาไถ่จากขายฝาก ปลดปล่อยให้ทรัพย์สมบัติหลุดขายฝาก สินทรัพย์นั้นก็จะเป็นของคนรับซื้อฝาก อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สถานที่ลงลายลักษณ์อักษรทั้งคำสัญญา จำนอง และก็ขายฝาก
จะต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐเจ้าหน้าที่ในกรมที่ดินเท่านั้นในกรณีทำผิดคำสัญญา คำมั่นสัญญาจำนอง : ถ้าเกิดครบคำมั่นสัญญาแล้ว สามารถจ่ายดอก เพื่อยืดเวลาได้อีกไม่เกิน 5 ปี หรือผู้รับจำนองจะฟ้องร้องเพื่อบังคับจำนอง แล้วให้กองบังคับคดีประมูลขาย เพื่อนำเงินมาจ่ายและชำระหนี้ ซึ่งระหว่างที่โดนฟ้องบังคับจำนำ ที่ดินนั้นๆจะไม่สามารถเอามาขายเอง
ได้แล้วคำสัญญาขายฝาก : ลูกหนี้ควรต้องมาไถ่ด้านในตั้งเวลา ที่ตกลงกันไว้ภายในข้อตกลง ถึงแม้ช้าเวลา โดยชอบด้วยกฎหมายสามารถเพิ่มเวลาขายฝากได้ จำนวนกี่ครั้งก็ได้ ทีละนานเท่าใดก็ได้ หากแม้รวมกันแล้วจำเป็นต้องไม่เกิน 10 ปีคนไม่ใช่น้อยสงสัยว่า การขายฝากคืออะไร ราวกับการจำนำไหม จำนอง ขายฝาก ถ้าคนใดอยากรู้ วันนี้กระปุกดอทคอมได้สะสมข้อมูลเพื่อมาไขข้อสงสัยกัน และเปรียบมองดูแบบชัดๆว่า การทำสัญญาที่ดินแต่ละแบบทั้งจำนำแล้วก็ขายฝาก คืออะไร ไม่เหมือนกันอย่างไรบ้างขายฝาก
เป็นยังไงการทำข้อตกลงขายฝาก เป็นการทำความตกลงกู้ยืมเงิน ที่ใช้หลักประกันเป็น อสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์โดยลูกหนี้จะกระทำการขายสินทรัพย์ ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งต้องมีการโอนเงินทองคำระหว่างกันก่อน แต่ว่ามีกติกาเพิ่มเติมว่า ลูกหนี้สามารถซื้อสินทรัพย์คืนได้ตามระยะเวลาที่ระบุกันไว้ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือ นาย A นำบ้านพร้อมที่ดิน
ไปเซ็นชื่อขายฝากกับนาย B เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งก็กล่าวได้ว่า ถ้าหากภายใน 1 ปีหลังลงลายลักษณ์อักษร นาย A อยากได้ซื้อบ้านพร้อมที่ดินคืน นาย B ควรต้องขายคืนให้โดยไม่มี ขอเว้นเสียแต่ แม้กระนั้นหากแม้พ้น 1 ปีไปแล้ว บ้านพร้อมที่ดินจะกลายเป็นผู้ครอบครองของนาย B ในทันที ซึ่งนาย B จะนำเงินไปทำงานอะไรก็ได้นั่นเองดังนี้การทำความตกลงขายฝาก ถ้าเกิดครบคำสัญญาแต่ ลูกหนี้ยังไม่พร้อมไถ่คืน ลูกหนี้สามารถขอต่อสัญญาได้ ไม่จำกัดปริมาณครั้ง และก็สามารถทำข้อตกลงได้นานสูงสุด 10 ปี สำหรับอสังหาริมทรัพย์
แม้กระนั้นหากเป็นสังหาริมทรัพย์จะมีระบุ 3 ปี โดยการทำกติกาต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในกรมที่ดินแค่นั้นจำนำ คืออะไรจำนอง คือ ข้อตกลงกู้เงิน ที่ใช้หลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์บางชนิดที่ได้ลงบัญชีไว้แล้ว โดยถูกกฎหมาย แต่จะไม่มีการโอนสินทรัพย์ เป็นเพียงแต่การนำทรัพย์สินนั้น ไปขึ้นทะเบียนเพื่อตราไว้
เป็นประกันเท่านั้นเองโดยจำเป็นจะต้องทำความตกลงเฉพาะหน้าข้าราชการในกรมที่ดินเหมือนกับวิธีขายฝากส่วนในกรณีที่ลูกหนี้กำเนิดผิดสัญญาไม่สามารถจ่ายและชำระหนี้ได้ผู้รับจำนองก็ยังไม่สามารถยึดทรัพย์สิน โดยถูกกฎหมายได้ ด้วยความที่ทรัพย์สินนั้นยังเป็นกรรมสิทธิ์ ของลูกหนี้อยู่ ซึ่งเจ้าหนี้จึงควรไปฟ้องร้องคดีโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อศาลบังคับ
กับลูกหนี้ลูกหนี้ก่อน หลังจากนั้นก็เลยนำเงินทองนั้น ไปขายทอดตลาดที่กองบังคับคดี เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ใช้สิน โดยสัญญาจำนอง ไม่มีอายุความ หากแม้จะมีการระบุระยะเวลาจ่าย และก็ใช้หนี้เพียงแค่นั้นจำนองขายฝากขายฝาก กับ จำนอง แตกต่างกันยังไงสิ่งที่
การทำข้อตกลงแบบขายฝากรวมทั้งจำนำผิดแผก มีดังนี้ ค่าธรรมเนียม ขายฝาก
1. ลักษณะสัญญาจำนำ : ลูกหนี้ไม่ต้องโอนเงินทองไปอยู่ในมือเจ้าหนี้ขายฝาก : ลูกหนี้จำเป็นต้องโอนเงินไปอยู่ในมือเจ้าหนี้
2. กรณีทำผิดกติกาจำนำ : ถ้าเกิดครบคำมั่นสัญญาแล้ว ลูกหนี้สามารถจ่ายดอก เพื่อขอต่อเวลาได้อีกไม่เกิน 5 ปี หรือผู้รับจำนำจะฟ้องเพื่อบังคับคดี แล้วให้กองบังคับคดีประมูลขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ ซึ่งระหว่างที่โดนฟ้อง ทรัพย์สินนั้นจะไม่สามารถเอามาขายได้ขายฝาก : ลูกหนี้ควรต้องมาไถ่คืนภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ในกติกา ถ้าเกิดช้าเวลาตามกฏหมาย สามารถขยายเวลาขายฝากกี่ครั้งก็ได้ ครั้งละนานเท่าไรก็ได้ แม้กระนั้นรวมกันแล้วจำเป็นจะต้องไม่เกิน 10 ปี สำหรับอสังหาริมทรัพย์ และไม่เกิน 3 ปี สำหรับสังหาริมทรัพย์ แม้กระนั้นถ้าหากว่าไม่มีการขอต่อสัญญา เงินทองจะตกเป็นของเจ้าหนี้ในทันที
3. ค่าลงทะเบียนจำนอง : เสียค่าบริการอัตรา 1% จากวงเงินที่เอามาจำนอง แต่ว่าไม่เกิน 200,000 บาทขายฝาก : เสียค่าบริการ 2% จากราคาประเมิน และก็จะต้องชำระภาษีรายได้หักในที่จ่าย รวมทั้งอากรแสตมป์ตามที่ข้อบังคับเจาะจง
4. วงเงินสำหรับในการอนุมัติจำนำ : เยอะๆจะได้วงเงินน้อยกว่า 30% ของราคาประเมินขายฝาก : ได้วงเงินราว40-70% ของราคาประเมินสรุปแล้วจะพบว่าข้อตกลงขายฝากมีลักษณะเด่นหมายความว่าผู้กู้ ยืมจะได้รับการอนุมัติเร็ว และมักจะให้วงเงินสูงขึ้นยิ่งกว่าจำนำ ค่อนข้างจะล้นหลาม แต่ก็มีการเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของเงินที่นำไปทำข้อตกลง แม้โชคร้ายพบนายทุนไม่ดี ต่อรองมิได้ไถ่ถอนช้าก็โดนยึดอย่างฉับพลัน รวมทั้งมีค่าขนบธรรมเนียมที่สูง กว่าการจำนองอีกด้วยระหว่างที่กติกาจำนำ
จุดแข็งก็คือ
มีความปลอดภัยด้านทรัพย์สมบัติ สินน้อยกว่า ด้วยเหตุว่าไม่ต้องขายเงินทองนั้นๆให้เจ้าหนี้ ช่องทางที่จะเสียเงินเสียทองสินก็เลยน้อย รวมทั้งมีค่าขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ถูกกว่า แต่ว่าข้อเสียก็มีเช่นเดียวกันเป็น วงเงินที่ได้รับจะโดยประมาณ 10-30% ของราคาประเมินเพียงแค่นั้นในเรื่องที่เจ้าหนี้ อยากได้นำเงินทอ งของลูกหนี้ที่เอามาขายฝาก ไปจำนองกับแบงค์ อีกทอดหนึ่ง ซึ่งยังมิได้ถึงวันครบ ระบุใช้หนี้ใช้สินนั้น โดยถูกกฎหมายนับว่าทำไม่ได้ แต่ถึงแม้ถึงกำหนดกติกา ขายฝากแล้ว
รวมทั้งลูกหนี้ไม่นำเงินมาใช้คืน หรือขอต่อสัญญา เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์อย่างถูก จำต้องที่จะนำสินทรัพย์ดังที่ได้กล่าวมา แล้วข้างต้นไปทำอะไรก็ได้ เนื่องจากว่าจัดว่ากลายเป็นกรรมสิทธิ์ ของเจ้าหนี้แล้วและถึงแม้ลูกหนี้มุ่งหมาย นำทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการขายฝาก ไปจำนำกับแบงค์อีก ทอดหนึ่งเพื่อนำเงินมาไถ่คืนนั้น โดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ถือว่าทำไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะว่าเงินที่อยู่ระหว่าง แนวทางการขายฝากจัดว่าอยู่สำหรับเพื่อการมอง แลของเจ้าหนี้แล้ว และแม้ลูกหนี้อยากนำ ไปจำนำกับธนาคารต้องมีการไถ่ คืนถอนให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนถึง จะสามารถดำเนินการได้
ฟังมองอาจมีความคล้ายคลึง หลายๆคนงงงันกับสองคำนี้ ระหว่าง “ขายฝาก” กับ “ฝากขาย” ว่าแบบเดียวกันไหม ซึ่งจริงแล้วทั้งคู่คำความหมายไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิงจะมาบอกถึงความไม่เหมือนของทั้งสองคำการขายฝาก นับว่าเป็นสัญญาซื้อขายชนิดหนึ่ง ซึ่งการขายฝากอสังหาริมทรัพย์นั้น คนขายฝากจะนำทรัพย์สินมาเป็นหลักสมบัติพัสถานค้ำประกัน
มีการทำนิติกรรมซื้อฝาก-ขายฝากต่อหน้าเจ้าพนักงานกรมที่ดิน ซึ่งเจ้าของในเงินทองจะเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีที่กระทำการจดทะเบียนฯ ผู้ขายฝากสามารถนำเงินมาไถ่คืนเงินคืนได้ในระยะเวลาที่ระบุ ส่วนผู้รับซื้อฝากจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย และก็ได้รับเงินทุนคืนเมื่อมีการไถ่คืนการฝากขาย นั้นสื่อความหมายตรงๆตัวหมายถึงผู้ฝากขาย นำสินทรัพย์ของตนเองไปฝากให้ผู้แทนคนกลาง , โบรกเกอร์ ช่วยทำโปรโมท,โฆษณาขายเงินทองให้กับเจ้าของสมบัติพัสถาน ช่วยทำให้ปรับขายได้ง่ายและก็เร็วมากขึ้น ซึ่งเจ้าของในทรัพย์สินจะถูกโอนก็เมื่อมีการขายสินทรัพย์ได้จริง
สินค้าค้างสต๊อก ขายได้ช้า จมทุน เว้นแต่ต้นสายปลายเหตุจากตัวผลิตภัณฑ์เองแล้ว อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะทำเลที่ตั้งที่ขายของไม่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ดังเช่นว่า อาหารเสริมราคาแพงแต่ว่าขายที่ตลาดนัดแทน เพราะรับค่าครองชีพสำหรับเพื่อการเปิดร้านบนห้างไม่ไหว ไหนจะค่าเช่า ค่าตกแต่ง งบไม่เพียงพอแน่ ด้วยเหตุนี้หลายแบรนด์จึงเลือกใช้กรรมวิธีฝากขายแทน
“การฝากขาย คืออะไร?”การฝากขาย หรือ Consignment คือ การที่เจ้าของสินค้าหรือผู้ครอบครองแบรนด์ไป ฝากขายของตามร้าน หรือห้างต่างๆซึ่งการที่เรานำผลิตภัณฑ์ไป ฝากขายของตามร้าน นั้นจะยังนับได้ว่าเป็นของผู้ครอบครองแบรนด์อยู่ รับจำนองขายฝาก กระทั่งผลิตภัณฑ์จะถูกขายออกไป โดยเจ้าของแบรนด์จะให้ส่วนแบ่งสำหรับ การฝากขาย เป็นค่าคอมมิชชั่นตามแต่ตกลงกัน“การฝากขายสินค้า มีข้อดี รวมทั้ง ข้อบกพร่อง เช่นไร?”
ข้อดี
1. ได้ทำเลขายของที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้า เนื่องจากว่ามีตัวเลือกในการวางผลิตภัณฑ์มาก ดังเช่น อยากได้วางจำหน่ายอาหารเสริม ก็มีร้านขายยาเยอะมากๆที่รับฝากวางผลิตภัณฑ์ (ผลิตภัณฑ์จำเป็นต้องตามมาตรฐานด้วยนะ) รวมทั้งค่อนข้างยืดหยุ่นสำหรับเพื่อการเปลี่ยนสถานที่ขาย
2. เป็นการเพิ่มวิถีทางแนวทางการขาย และสามารถขยายตลาดให้ลูกค้ามีโอกาสมองเห็นสินค้าได้มากขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนเปิดสาขาเพิ่ม
3.ราคาผลิตภัณฑ์เป็นมาตรฐาน การฝากขายพวกเราจะเป็นผู้กำหนดราคาขายแล้วก็ข้อตกลงการขายเอง อีกทั้งยังควบคุมได้ง่าย เพราะรู้ดีว่าผลิตภัณฑ์ถูกขายอยู่ที่แห่งไหนบ้าง ร้านค้าไหนขายเกินราคาหรือตัดราคาร้านอื่น เราก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกเก็บผลิตภัณฑ์คืนได้
4. ลดการเสี่ยงในด้านรายจ่าย เพราะว่าร้านขายของที่รับฝากส่วนใหญ่จะเก็บเป็นค่าคอมมิชชั่นจากวิธีขายสินค้า ดังนั้น ถ้าขายได้น้อยก็เสียค่าคอมมิชชั่นน้อย ต่างจากการของหน้าร้านที่มีค่าใช้จ่ายคงเดิมทุกเดือน
ถึงแม้ว่าพวกเราจะขายได้หรือเปล่าได้ก็ตามจุดด้วย
1. ร้านที่รับ ฝากขายสินค้า บางร้านอาจเก็บค่าคอมมิชชั่นแพง ทำให้พวกเราได้กำไรจากแนวทางการขายไม่มากนัก หรือบางร้านค้าที่มีการรับ ฝากขายของ ประเภทเดียวกันหลายๆแบรนด์ สินค้าแบรนด์ไหนให้ค่าคอมมิชชั่นดีกว่า พนักงานก็มีสิทธิ์ที่จะเร่งขายสินค้าแบรนด์นั้นมากยิ่งกว่า ทำให้เป็นการตัดผลกำไรกันเอง
2.ไร้คนเสนอแนะหรือเชียร์ขายสินค้าของเราโดยตรง ทำให้ลูกค้าไม่รู้บุญคุณสมบัติที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์
3. ติดตามสต๊อกยาก ถ้าเราฝากขายของหลายๆร้านค้า อาจส่งผลให้สต๊อกสินค้าของพวกเราจมโดยไม่รู้สึกตัว เนื่องจากนึกว่าของมีไม่มากมาย แต่เพียงพอสิ้นเดือนเช็คสต๊อก ฝากขายไว้ร้านละนิดละหน่อย แต่ว่ารวมแล้วก็ไม่น้อยเช่นเดียวกัน ยิ่งถ้าหากเป็นการฝากขายของที่มีวันหมดอายุ เป็นต้นว่า เค้ก ขนมปัง หากของเหลือมากมายๆก็บางทีก็อาจจะขาดทุนได้เช่นเดียวกัน