ยุโรป ตะวันตก
ยุโรป ตะวันตก
ยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ติดกับทะเลเหนือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และ มหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งทำให้ดินแดน ยุโรปตะวันตก นี้ไม่ห่างจากทะเลมากนัก เป็นผลทำให้มีความชื้น ในอากาศสูงและอุณหภูมิ หน้าหนาวไม่เย็นจัดเหมือนยุโรป ที่อยู่ในภาคพื้นทวีปยุโรปเหนือ ยุโรปตะวันตกมีพื้นที่ประมาณ 36,933,412 ตารางกิโลเมตร ภาษาในภูมิภาคนี้ มีมากมายเช่น กลุ่มภาษาโรมานซ์ เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ฯลฯ กลุ่มภาษาเยอรมานิค เช่น ภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษ ภาษาสวีเดน ฯลฯ และ ภาษากรีก ประชากรส่วนใหญ่ นับถือศาสนาคริสต์ทั้งนิกาย โปรเตสแตนท์และโรมันคาทอลิก ความแตกต่าง ของประเทศในยุโรปตะวันตก กับยุโรปตะวันออก คือระบอบการปกครองและการเมือง ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ยุโรปตะวันตก เป็นที่รวมของผู้นับถือ ศาสนาคริสต์ทั้งนิกายโรมัน คาธอลิค และโปรแตสแตนท์ เป็นศูนย์กลางของระบอบ การเมืองแบบประชาธิปไตย (อังกฤษเป็นแม่แบบของรัฐบาล ในระบบรัฐสภา) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เป็นเขตที่มีพื้นที่เพียง 3% ของพื้นดินโลก แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศรวมกันถึง 30% ของโลก ในทัศนะของชาว ยุโรปเองเชื่อกันว่าชาวยุโรปมี บทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและการเมือง ของโลกตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน สเปน โปรตุเกสและ ฮอลันดา และเพิ่งมาลดบทบาท เมื่อถูกแทนที่ด้วยอเมริกา และญี่ปุ่น
สามารถแบ่งภูมิภาคยุโรปตะวันตกออกเป็น4 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มยุโรปเหนือ หรือกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ไอซแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก
- กลุ่มยุโรปกลาง ไอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซ็มเบิร์ก ลิกเตนสไตน์ วาติกัน
- กลุ่มอัลไพน์ยุโรป สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย
- กลุ่มยุโรปแถบเมดิ เตอร์เรเนียน โปรตุเกส สเปน อิตาลี กรีซ อันดอร์รา โมนาโค ซานมาริโน
การรวมตัว กันเป็นสหภาพยุโรปทั้งในเรื่องต่างๆ เช่นการใช้เงินสกุลเดียวกัน การเดินทางเข้าออก ของประชาชนของประเทศสมาชิก การภาษีและเรื่องอื่นๆ เป็นความพยายามที่ทำให้เกิด ความเข้มแข็งให้แก่ยุโรปตะวันตกอย่างมาก และนำไปสู่การถ่วงดุล กับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีนและญี่ปุ่น
การผลิตที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ การผลิตทางอุตสาหกรรม เนื่องจากชาวยุโรป เป็นนักประดิษฐ์คิดค้น อังกฤษได้ชื่อว่าเป็นชาติ แรกที่มีการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมก่อนที่จะกระจายไปทั่วยุโรป การล่าอาณานิคมโดยประเทศยุโรปในอดีต ทำให้ประเทศเหล่านี้มีแหล่งวัตถุดิบและแหล่งตลาดระบายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากและถือว่าเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งในการพัฒนาไปสู่ความเข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของยุโรปตะวันตกในปัจจุบัน นอกจากนั้นยุโรปยังเป็นศูนย์กลางทางด้านวิทยาการแขนงต่างๆ ทำให้ปัญญาชนจากทั่วโลกมารับความรู้และวิทยาการเหล่านั้นไปเผยแพร่ในภูมิลำเนาของตนเอง นอกเหนือจากอุตสาหกรรมแล้ว ยุโรปตะวันตกยังมีความก้าวหน้าทางเกษตรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกษตรเพื่อการค้า ดังจะเห็นได้จากเครื่องดื่มประเภทวิสกี้จากสก็อตแลนด์ ไวน์จากฝรั่งเศส เบียร์จากเยอรมัน ล้วนมีพื้นฐานมาจากความเข้มแข็งในการผลิตวัตถุดิบประเภทข้าวและองุ่น แม้กระทั่งเนยแข็งและนมผงจากเดนมาร์ก ล้วนมีพื้นฐานมาจากฟาร์มโคนมที่ทันสมัย นั่นเอง
สำหรับท่านที่ชื่นชอบการเที่ยวยุโรป หรือ ทัวร์ยุโรปโซนตะวันตก หลายเมืองที่เป็นเป้าหมายการเดินทางของท่านคงหนีไม่พ้น เมืองสำคัญต่างๆ ที่จะกล่าวนี้ ซึ่งในยุโรปตะวันตกนั้น มีเมืองสำคัญๆ ที่เป็นไฮไลต์ และรู้จักกันดีคือ
ลอนดอน เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจการเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของโลกอีกทั้งยังเป็น 1 ใน 5 เมืองที่นักท่องเที่ยวชาวไทยฝันอยากมาเยือนที่สุดในโลก
ปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศใจกลางแคว้น อีล-เดอ-ฟร็องซ์ ปารีสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งของโลก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาที่นี่มากกว่า 30 ล้านคนต่อปี
บัสเซลส์ เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยมมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจรู้จักเมืองแห่งนี้ในฉายาต่างๆ เช่น เมืองหลวงแห่งยุโรป (สำนักงานใหญ่ของอียูตั้งอยู่ที่นครแห่งนี้) เมืองหลวงแห่งราชการโลก หรือแม้แต่เมืองแห่งช็อคโกแลต บรัสเซลส์ยังเป็นที่ตั้งของจัตุรัสที่สวยที่สุดของยุโรปอย่าง “กร็องปลัส” อีกด้วย
อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมืองแห่งลำคลอง ด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ส่งผลให้เมืองแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์อยู่มากมาย อีกทั้งอัมสเตอร์ดัม ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีเสรีภาพมากที่สุดในยุโรป เห็นได้จากคนยืนสูบกัญชา หรือผู้หญิงนั่งค้าประเวณีได้อย่างถูกกฎหมาย
เอดินบะระ เมืองหลวงของประเทศสก๊อตแลนด์ ถ้านับกันที่ความเก่า ต้องบอกว่าเมืองนี้คือเมืองเก่าลำดับต้นๆ ของสหราชอาณาจักร แม้เอดินบะระจะเป็นเมืองฟ้าสีหม่น แต่ผู้คนไม่เคยขาดสีสัน เพราะเอดินบะระถูกตั้งฉายาว่าเป็น “เมืองแห่งเทศกาล” เนื่องจากมีการจัดเทศกาลระดับโลกอยู่ทั้งปี ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสูงต่ำ ประกอบด้วยบ้านเรือนโบราณตามแบบฉบับยุโรปยุคกลาง จึงทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างยกให้เอดินบะระ เป็นเมืองที่น่ามาเยือนที่สุดแห่งหนึ่ง
กลับสู่หน้าหลัก http://www.euniceadorno.net