ทำความรู้จักกับดอกไม้ ยุโรป
ดอกไม้ ยุโรป
ดอกไม้ ยุโรป – เนื่องจากเทศกาลดอกไม้นั้นส่วนมากจะจัดขึ้นแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในช่วงที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลินั่นเอง ซึ่งถ้าอยากจะชมดอกไม้ให้สวยงามที่สุดเนี่ย เรื่องของบรรยากาศเป็นอะไรที่ต้องใส่ใจสุดๆ เลย และเทศกาลดอกไม้ ณ ยุโรปนี้เองก็เป็นอะไรที่ขึ้นชื่อมาก เพราะเพื่อนๆ จะได้เห็นหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดที่เรียงรายกันสวยงามตระการตา แถมยังมีแบ็กกราวนด์เป็นสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก ยิ่งเพิ่มความฟินและทำให้รูปถ่ายสวยงามชนิดที่ว่าที่ไหนๆ ก็ให้ไม่ได้
ดอกกุหลาบ
กุหลาบเป็นพรรณไม้ยืนต้น เป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นมีความยาวประมาณ 30-200 เซนติเมตร ลำต้นเตี้ยและสูง มีหนามหรือไม่มีแล้วแต่ชนิดพันธุ์ลำต้นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล แตกกิ่งก้านมารอบต้นใบเป็นใบรวมแตกออกจากกิ่งก้าน ก้านใบจะมีหูใบติดอยู่ด้วย ลักษณะใบโคนใบมนปลายใบแหลมขอบใบมีหยักเล็กน้อยตัวใบนิ่มมีสีเขียวใบจะออกจากก้านใบเป็นคู่ขนาดความกว้างของใบประมาณ 2 – 4 เซนติเมตรยาวประมาณ 3 – 5 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวมีก้านดอกยาวแตกออกจากปลายกิ่งหรือง่ามใบที่กิ่งลักษณะดอกเป็นกลีบเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆประมาณ 4 – 6 ชั้นดอกมีกลีบ 5 – 15 กลีบขอบดอกเรียบตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้และตัวเมีย อยู่รวมกันดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกบานมี ความกว้างประมาณ 2 – 6 เซนติเมตรลักษณะของลำต้นใบดอกแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
ทิวลิป
ทิวลิป เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของฮอลแลนด์ มีอยู่หลายสี ดอกทิวลิปจะปลูกได้ต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสม คือไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส แม้ว่าทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ “lale” เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ Oghier Ghislain de Busbecqไปเป็นราชทูตของสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในราชสำนักของสุลต่านสุลัยมานมหาราชแห่งจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1554 Busbecq บรรยายในจดหมายถึงดอกไม้ต่างๆ ที่เห็นที่รวมทั้งนาร์ซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ และทิวลิปที่ดูเหมือนจะบานในฤดูหนาวที่ดูเหมือนผิดฤดู
ดอกคาร์เนชั่น
คาร์เนชั่นมีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้ คาร์เนชั่นที่นำเข้าส่วนใหญ่ปลูกในเรือนกระจกทั้งสิ้น ใช้ทำเป็นไม้ตัดดอกได้เป็นอย่างดี ให้จำนวนดอกต่อต้นนับเป็นที่ 2 รองจากกุหลาบ การปลูกคาร์เนชั่นแต่ละครั้งอาจจะอยู่ได้เพียงฤดูเดียวหรือหลายฤดูก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่และการปลูกปฏิบัติรักษา บางแห่งอาจจะปลูกได้เพียงฤดูเดียว บางแห่งอาจจะปลูกแล้วเก็บเกี่ยวได้นานถึง 2 -3 ปี ซึ่งตามปกติแล้วเป็นการปลูกคาร์เนชั่นในเรือนกระจก
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ดอกล้มลุก ลำต้นแตกกิ่งก้าน ใบรูปแถบเรียวยาว สีเขียวเข้มอมฟ้า โคนใบหุ้มข้อโป่งพองเล็กน้อย ดอกมีทั้งชนิดดอกเดี่ยวและดอกช่อ กลีบรองดอกสีเขียว รูปถ้วย กลีบดอกซ้อนฟู ขอบกลีบเป็นแฉก สีขาว ชมพู เหลือง ส้ม แดง และขลิบขอบสีต่างๆ ดอกมีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกชั้นเดียว ปลายกลีบดอกจะมีลักษณะหยัก ๆ คล้ายฟันเลื่อย กลีบหุ้มดอก มีลักษณะรวมติดกันเป็นกรวยหุ้มกลีบดอกไว้ ดอกมีขนาดตั้งแต่ 1.5 – 3 นิ้ว สีของดอกมีหลายสี คือ ขาว แดง แดงอมอม่วง และอาจจะมี 2 สีในดอกเดียวกัน
ดอกคอร์นฟลาวเวอร์
มีถิ่นกำเนิดในอังกฤษ และประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากคอร์นฟลาวเวอร์เป็นพืชที่ขึ้นเป็นวัชพืชในไร่ข้าวโพดแถวยุโรปตอนใต้ ในธรรมชาติแต่เดิมเป็นดอกจะมีสีฟ้าสด และ ม่วง แต่ปัจจุบันมีหลายสี นอกจากนี้คอร์นฟลาวเวอร์ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติเยอรมนี
ลำต้นชูดอกขึ้นเหนือพุ่มใบมาก ใบมีสีเขียวอมเทา ดอกมีหลายสี เช่น ฟ้า ชมพู ขาว น้ำเงิน แดง ดอกมีกลับละเอียดซ้อนกันค่อนข้างแน่น บางพันธุ์มีปลายกลีบเป็นแฉกละเอียด
ดอกมูเกร์
ดอกมูเกร์มีหลายชื่อ เดิมทีเดียวรู้จักกันในชื่อ Our lady’s tear เพราะเชื่อกันว่าเป็นดอกไม้ที่เกิดจากน้ำตาของพระแม่มารีหยดลงบนไม้กางเขน ที่ใช้ตรึงพระเยซู บ้างก็ว่าเกิดจากเลือดขอ เซนต์เลียวนาร์ดที่กระเซ็นลงบนพื้นดิน ในขณะที่ต่อสู้กับมังกร ชาวฝรั่งเศสเชื่อกันว่า ดอกมูเกร์ เป็นดอกไม้ที่นำมาซึ่งความสุข ดอกมูเกร์จะออกดอกปีละ 1 ครั้งในช่วงปลายเดือนเมษายน ชาวฝรั่งเศสจึงนิยมที่จะนำมามอบให้กันในวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรงงาน เพื่อนำความสุขให้กันในการทำงานต่อไป
ดอกมูเกร์ มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า ลิลลี่ออฟเดอะแวลเล่ย์ หรือ ระฆังน้อยแห่งหุบเขา เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม มีใบเรียวยาวคล้ายต้นหญ้า ส่วนกิ่งเล็ก ๆ ซึ่งทอดขนานไปกับใบนั้นคือกำเนิดแห่งดอกรูประฆังสีขาว ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลทั่วทุ่งหญ้า ตลอดเดือนแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ บอกให้รู้ว่า เดือนพฤษภาคมได้มาถึงแล้ว
นอกจากนี้ดอกมูเกร์ยังเป็นดอกไม้ที่มีความหมายงดงาม โดยหมายถึงคุณจะค้นพบความสุข และยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความสุขที่หวนคืนมา หรือความอ่อนหวานที่ช่วยเติมให้ชีวิตสมบูรณ์ จึงมักถูกใช้ประดับในช่อดอกไม้หรือผมของเจ้าสาว ดอกมูเกร์เป็นพืชสมุนไพรที่นำมาทำยานานนับศตวรรษแล้ว ปัจจุบันนิยมมาผสมในเครื่องสำอางอย่างแพร่หลาย
ดอกเดซี่
ดอกเดซี่ สันนิษฐานว่า มาจากภาษาของพวกแองโกลแซกซอน ที่มีความหมายว่า day’s eye ซึ่งตรงกับลักษณะของดอกเดซี่ ที่บานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และหุบเมื่อพระอาทิตย์ตก การแพทย์แผนโบราณยังเชื่อว่า มันสามารถนำมารักษาโรคที่เกี่ยวกับตาได้ด้วย ดอกเดซี่ มีความหมาย คือ ความไร้เดียงสา และมิตรภาพ ดอกเดซี่มีกลีบสีขาวและเกสรสีเหลืองและอาจมีสีชมพูหรือสีแดงเหมือนกุหลาบก็ ได้ ซึ่งทำให้เข้าใจว่าเป็นดอกเดี่ยวแต่ที่จริงแล้ว เดซี่มีดอกอยู่ 2 ชั้นด้วยกันตามลักษณะดอกคือ มีดอกเล็กๆ ย่อยๆ บานอยู่ตรงกลาง หรือตรงเกสร และดอกวงนอกบานอยู่รอบๆ เกสร ดอกเยอบีร่าเป็นสายพันธุ์ของดอกเดซี่ที่เรานิยมกันมาก ด้วยลักษณะดอกที่ใหญ่ และมีสีสันหลากหลาย ดอกเดซี่ จึงเหมาะที่จะมอบให้เพื่อบอกว่า คุณห่วงใยเขามากแค่ไหน
สวนไมเนา ประเทศเยอรมัน
ที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของยุโรปเลย โดยความพิสดารของมันก็คือ เราจะได้เห็นดอกไม้สวยงามนานาพันธุ์ขึ้นอยู่เยอะแยะมากมาย และถูกเติมเต็มด้วยสีสันสะดุดตาที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ยังเห็นถึงความงดงามมันได้อยู่ดี โดยที่แห่งนี้ดอกไม้จะผลิบานเต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิ หรือเดือนมีนาคม-กรกฎาคม นั่นเองค่ะ จะทำให้เราเห็นถึงพันธุ์ไม้มากกว่า 500 ชนิดที่บานสะพรั่งจนอยากอยู่ถ่ายรูปสูดอากาศบริสุทธิ์ทั้งวันแบบไม่อยากกลับเลย
ราเวลโล อิตาลี
ราเวลโลนั้นเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนภูเขานี่แหละค่ะ ซึ่งถึงแม้จุดเด่นของมันจะไม่ใช่เทศกาลดอกไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนที่อื่นๆ แต่ข้อดีคือ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสีฟ้าคราม และสวนดอกไม้บนเนินเขาแห่งนี้แบบชัดเจน จัดเต็ม ได้ซึมซับเอาบรรยากาศที่แสนดีเก็บไว้เป็นความทรงจำ ลมเย็นๆ พัดผ่านร่างที่ยืนอยู่บนหุบเขา แค่คิดภาพก็ฟินแล้วล่ะค่ะ ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงอย่างมากเลย เพราะเป็นสวนจากศตวรรษที่ 13 เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าเราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมที่วินเทจและคงอารมณ์ความศิลป์เอาไว้อย่างแน่นอน
เอดินเบิร์ก สก็อตแลนด์
ที่สวนแห่งนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่านมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศจะเริ่มอบอุ่น น่าอยู่ น่าเดินเล่นมากๆ ทำให้ในเมืองนี้เริ่มคึกคัก ซึ่งแน่นอนว่าฤดูใบไม้ผลินั้นดอกไม้ต่างๆ ก็จะเริ่มผลิบาน ทั้งดอกเชอร์รี่บลอสซัม ทั้งการเปิดตลาดขายผลผลิตทางการเกษตร โดยเราจะได้กินผลไม้ต่างๆ จากเกษตรกรในท้องถิ่นจริงๆ ชนิดที่ว่าเด็ดสอยกันมาสดๆ จากต้นถึงมือเราโดยตรงเลย เหมือนไปงานแฟร์ที่มีดอกไม้ตระการตารอเราอยู่เลยล่ะค่ะ
โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก
ถนนในเมืองโคเปนเฮเกนแห่งนี้จะถูกย้อมไปด้วยสีชมพูทั่วทั้งน่านฟ้าเลยล่ะค่ะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเป็นช่วงที่ดอกซากุระผลิบานนั่นเอง ถ้าอยากรับชมความงามในสไตล์ญี่ปุ่นแต่มีพื้นฉากหลังเป็นยุโรป ที่นี่ตอบโจทย์ได้ดีสุดๆ สามารถครอสโอเวอร์กันได้อย่างลงตัว มาทัวร์ยุโรป แต่ดันได้ชมซากุระ ซึ่งเค้าก็มีช็อปขายของและตลาดเปิดให้เราเดินเล่นชมดอกไม้ไป ซื้อของกินไปตลอดทาง มีร้านสตรีทฟู้ดเปิดขายอาหารพื้นเมืองเยอะมาก เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดจริงๆ
คูเคอนอฟ เนเธอร์แลนด์
เทศกาลดอกไม้แห่งสุดท้ายที่ถูกหยิบยกให้เป็นอันดับหนึ่งด้านความยิ่งใหญ่และความสวยงามระดับโลกตั้งอยู่ที่นี่นั่นเองค่ะ โดยสวนแห่งนี้ถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้กว่า 7 ล้านดอก บนพื้นที่กว่า 320,000 ตารางเมตร ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ใครจะไปเทียบได้ แถมเค้ายังมีไฮไลต์อีกนะคะ คือ ดอกทิวลิป ที่ใครๆ ต่างก็ต้องตกหลุมรัก หาดูได้ยากน้าดอกนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่สวยที่สุดที่ทิวลิปจะผลิบานก็คือ เดือนเมษายนนั่นเองค่ะ รู้แบบนี้แล้วก็วางแพลนจัดตารางเวลากันดีๆ แล้วก็จองทัวร์ยุโรปเที่ยวมันให้จุใจกันไปเลย
เห็นมั้ยคะว่าในโลกใบนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอีกมากมายรอให้เพื่อนๆ ไปพบเจอ อย่างเช่นเทศกาลดอกไม้ของ 6 ประเทศนี้เนี่ยก็นับว่าน่าจับตามอง และควรจะเป็นจุดหมายปลายทางของการเที่ยวครั้งต่อไปอย่างยิ่งเลย เพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้ว่าสงกรานต์นี้จะไปไหนดี ก็วางใจให้ ทัวร์ครับ ได้จัดตารางแผนการท่องเที่ยวของคุณกันดีกว่าค่ะ กับการทัวร์ยุโรปสุดคุ้ม ไปมันทุกที่ที่ใครว่าดี ใครว่าเด็ด ซอกมุมไหนที่น่าสนใจ แลนด์มาร์กใดที่คนฮอตฮิต ทัวร์ยุโรปจากทัวร์ จัดเต็มพาคุณไปเยือนแน่นอนแบบไม่มีผิดหวัง รับรองว่าได้สัมผัสกับบรรยากาศของเทศกาลดอกไม้แบบจุใจอย่างที่เพื่อนๆ เคยฝันไว้แน่นอน
กลับสู่หน้าหลัก http://www.euniceadorno.net