golden kamuy

golden kamuy ทองปีศาจ

       golden kamuy  : ทองปีศาจ ทางรอดสุดท้ายของคนชายขอบในจักรวรรดิญี่ปุ่นทางรอดในที่สุดของคนขอบในจักรวรรดิประเทศญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อจบสมัย “The Big Three” ของโชเน็นจัมป์ จะหาการ์ตูนกระแสหลักที่สนุกสนานตื่นเต้น และก็มีพล็อตทางด้านการเมืองอันแยบคายไม่ง่ายนัก ในตอนนี้ บรรดาการ์ตูนต่อสู้กระแสหลักที่แทรกสอดเรื่องราวด้านการเมืองอันน่าสนใจ เห็นจะเหลือแค่แต่ว่า One Piece, Attack on Titan, Vinland Saga, Kingdom, Gintama (แม้ว่าพวกเราจะนับว่ามันคือการ์ตูนการบ้านการเมืองที่ซ่อนเร้นในพล็อตมุกขำขันข้ามเขต) แล้วก็รุกกี้หน้าใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Golden Kamuy หรือทองคำซาตาน ที่น่าดึงดูดด้วยเหตุว่ามันไม่ใช่การ์ตูนแอคชั่นหรือการ์ตูนการบ้านการเมืองปกติสามัญ ดูการ์ตูน  golden kamuy    คลิก

 

golden kamuy

 

มุมมองของญี่ปุ่นในประวัติศาสตร์

     แม้กระนั้นยังสะท้อนให้มองเห็นอีกมุมมองของญี่ปุ่นในประวัติศาสตร์ คือเหล่า “คนขอบ” ในยุคสร้างชาติของญี่ปุ่น ที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงมาเป็นเค้าเรื่องสำคัญในสื่อกระแสหลักประเทศญี่ปุ่นเลย (pop culture)ในบทความนี้ จะรีวิวและวิเคราะห์การ์ตูนประเด็นนี้สำคัญๆใน 3 หลักสำคัญ ควบคู่ไปกับการเปรียบเทียบข้อสรุปทางประวัติศาสตร์ (ซึ่งก็บางครั้งอาจจะไม่ใช่ความจริงอีกนั่นแหละ) อันเป็นต้นว่าการนำเสนอภาพคนริมในประเทศญี่ปุ่น (เช่น ทหารที่ถูกรัฐบาลทิ้ง อำนาจเก่าที่พ่าย ชนเผ่าดั้งเดิม

วมทั้งคนประเทศญี่ปุ่นในบ้านนอกท่ามกลางสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วในสมัย modernization)การขยายพล็อต “คนชายขอบ” สู่สเกลระดับใหญ่ เพราะเหตุใดจึงมี “คนริม” มากไม่น้อยเลยทีเดียวถึงเพียงนี้ ตามที่เป็นจริงแล้ว พวกเขาไม่ใช่คนโดยมากที่เป็นเหยื่อของลัทธิจักรวรรดินิยม ชาตินิยม อาณานิคม และการผลิตชาติของกลุ่มของผู้คนเพียงแต่หยิบมือหรอกหรือ?การนำเสนอเรื่องราวในอดีตกาล ผ่านสายตานักเขียนรุ่นเจนเนอเรชั่น Y ของญี่ปุ่นอย่างไรก็ดี ก่อนเข้าไปสู่รายละเอียดสำคัญของบทความ

นักเขียนขอเล่าย่อของการ์ตูนประเด็นนี้บางส่วน (ไม่สปอย) และก็เสนอแนะให้ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน ไปอ่านเสีย แม้ว่ามันจะมีความยาวถึง 171 ตอนก็ตาม (ณ ก.ย. 2018) เนื่องจากมันสนุกครบรสจริงๆเว้นเสียแต่ความมันส์แล้ว ท่านจะได้การรู้ในการล่าสัตว์ เปิบพิสดาร ความบันเทิงต่างๆซึ่งค่อนข้างจะเป็นมุกตลกที่นำสมัย และก็สำหรับ “สายจิ้น” แล้ว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง หากว่าความยาวของเรื่อง จะทำให้ท่านสูญเสียเวลาเข้านอนไปมากโขก็ตาม

เสนอแนะเรื่องย่อตัวนำของเรื่อง เป็นสุกิโมโตะ ไซจิ ทหานที่เคยผ่านการรบผู้ได้รับสมญานามว่า “สุกิโมโตะ จอมอมตะ” เนื่องจากเขาได้สร้างวีรกรรมต่อสู้ข้าศึกอย่างกล้าหาญ ในสงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย ระหว่างปี 1904-1905 ณ ที่ราบสูงแมนจูเรีย แต่ว่าเพราะนิสัยห่ามๆไม่เกรงกลัวความตายของเขามิได้ปรากฏแค่เพียงในสนามรบเท่านั้น

เพราะว่าเขาได้วิวาทกับนายทหารระดับสูง ก็เลยจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกำเนิดเมืองนอนอย่างไร้เกียรติยศ และแน่ๆว่าไร้สินทรัพย์เสียด้วยปัญหามีอยู่ว่า สุกิโมโตะคนอมตะของพวกเรามิได้ต้องการเกียรติ และก็เช่นเดียวกับคนทั่วๆไป คือเขาอยากเงิน เพื่อรักษาข้อตกลงกับเพื่อนสมัยเด็กที่ตายในสนามรบ ว่าขอให้ดูแลภรรยาของเขา

 

เหยื่อผู้ถูกฆ่าในโศกนาฏกรรม

ซึ่งบัดนี้ดวงตาฝ้ามัว และก็ควรจะไปรักษาที่อเมริกาก่อนที่จะสายเกินแก้ รวมทั้งเมียของเพื่อนคนนั้น ก็เป็นหญิงสาวที่เขาหลงเสน่ห์ในวัยเยาว์อย่างเดียวกันแต่ว่าเงินมิใช่เห็ดที่จะผุดมาง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังปรับปรุงเป็นประเทศอุตสาหกรรมแล้วก็มหาอำนาจอย่างสุดกำลัง สุกิโมโตะชายหนุ่มต่างจังหวัด ไม่ได้มีความรู้และความเข้าใจมากพอจะหารายได้หลายร้อยเยนได้อย่างเร็ว นอกเสียจากว่า

เขาจะปฏิบัติตนโง่เง่าไปนั่งร่อนทองที่แม่น้ำในเกาะฮอกไกโดเหมือนกับชายแสวงโชคคนอื่นรวมทั้งระหว่างที่กำลังไม่ประสบผลสำเร็จ เหตุเพราะไม่พบทองที่ต้องการในแม่น้ำนั้น เขากลับได้รับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับที่ซ่อนทองคำมากมาย ผ่านปากอดีตนักโทษขี้เหล้าขี้ยาคนหนึ่งอดีตนักโทษผู้นี้ แหกคุกมาพร้อมกับเพื่อนพ้องๆกว่า 25 คน และก็ทุกคนถูกสักแผนที่แอบซ่อนทองของชาวไอนุที่มีหลายชิ้นกว่า 20 คัง (75 กก. ราคาเดี๋ยวนี้ราว 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 97 ล้านบาท) คาดการณ์กันว่านักโทษที่ทำรอยสักคนนี้ เป็นผู้สังหารชายไอนุหมู่บ้านหนึ่งตายไปหลายราย

เพื่อรู้ถึงทางหลบซ่อนทองคำนั้น และก็ด้วยหัวข้อนี้ เด็กสาวไอนุคนหนึ่งอายุราวๆ 12-13 ปีชื่อว่า อาชิริปะ ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับสุกิโมโตะ เธอแล้วก็เขาได้ตกลงร่วมมือกันเพื่อตามหาเรื่องจริงที่ว่า 1. คนไหนเป็นผู้ทำรอยสักแก่นักโทษ เนื่องมาจากพ่อของอาชิริปะเป็นเหยื่อผู้ถูกฆ่าในโศกนาฏกรรมทองคำดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น 2. ทองดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วแท้จริงแล้วอยู่ที่แห่งใด

 

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

     โดยสุกิโมโตะจะขอส่วนแบ่งจากทองดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เพื่อไปรักษาตาของภรรยาสหายเพียงแค่นั้น รวมทั้งจะแอบซ่อนทองคำของชาวไอนุที่เหลือไว้ที่เดิมสมัยก่อนวีรบุรุษในสงครามที่ถูกละทิ้งและเด็กผู้หญิงกำพร้าชาวพื้นเมืองจึงร่วมเดินทางตามหาข้อเท็จจริงดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว โดยมิได้พิจารณาว่า มีใครต่อใครหมายปองทองปริมาณนี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ากองพลที่ 7 ที่ต้องกลับมาจากสนามรบมือเปล่า

อยากได้นำทองคำดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเพื่อสร้างความมั่งมีแก่พวกของตัวเองที่ฮอกไกโด อีกทั้งยังมีอดีตกาลผู้นำกบฏที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้วเช่น ฮิจิคาตะ โทชิโร่ ในวัยแก่ ที่มิได้ละทิ้งความฝันในการแยกประเทศออกมาจากองค์จักรพรรดิ แล้วก็กลุ่มคนรู้จักอีกมากมายคน ที่ปรารถนา “ทอง” อันนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอำนาจและก็กระตุ้นความมักมากของผู้คน

จนกระทั่งยากจะแยกว่าใครกันแน่คือมิตรหรือศัตรู ต่อหนุ่มสาวผู้ไร้เดียงสาทั้งสองไปสู่บทวิจารณ์ เตือนอีกที ยาวและก็สปอยส์ผู้เขียนเห็นด้วยว่า ไม่นึกว่าการ์ตูนจะมีพล็อตที่สนุกขนาดนี้ ตอนต้นอ่านด้วยเหตุว่าคีย์เวิร์ด Gold Rush (ชื่นชอบนิยายความทุกข์ร้อนของชนผิวขาวที่ไปพบทองตามแบบ American Dreams เป็นทุนเดิม)

รวมทั้งชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นต้นศตวรรษที่ 20 ที่แท้มีผู้แต่งการ์ตูนตอนนี้เยอะแยะ แม้กระนั้นส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนโรแมนติกเสียมากกว่า รวมทั้งตอนท้ายเป็น การสะท้อนภาพ “คนกลุ่มน้อย” อย่างชาวไอนุ คนเขียนพึงพอใจเรื่องชาวไอนุเป็นพิเศษ เพราะเหตุว่าได้อ่าน Unbeaten Tracks in Japan ซึ่งเขียนโดย Isabella L. Bird นักผจญภัยหญิงชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นฝรั่งคนแรกๆที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตในของญี่ปุ่นในปี คริสต์ศักราช 1878 โดยเธอได้ชี้แจงถึงกลุ่มชาวไอนุที่คุณพบเห็นด้วย ก็เลยไม่คิดอะไรมาก แล้วอ่านไปเรื่อยๆก็สนุกสนานดี

กลับสู่หน้าหลัก